สวนโบราณคดี (Jardin Archeologique)

สวนโบราณคดี (Jardin Archeologique) 

   เป็นแหล่งขุดค้นพบที่มีความสำคัญในช่วงยุคของการปฏิวัติระหว่างการรื้อถอนอาคารในท้องถิ่น และมีการขุดพบซากปรักหักพังของโบสถ์จำนวนสองแห่ง (โดยโบสถ์ส่วนแรกสร้างอยู่ด้านบนทับโบสถ์อีกหลัง) เศษซากปรักหักพักของซุ้มโค้งชิ้นใหญ่ที่ขุดค้นพบมีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบโค้งที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดีและนำมาเป็นสิ่งประดับตกแต่งสวนสวยแห่งนี้อย่างลงตัว สวนโบราณคดีตั้งอยู่บนถนน Rue de la Bombarde

                           

 

ที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=OlCb3Qj_1T0

ที่มา:  http://thairats.com/%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89/%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88

สวนลุกซ็องบูร์ Jardin du Luxembourg

    

  สวนลุกซ็องบูร์ (Jardin du Luxembourg หรือ Luxembourg Garden) ตั้งอยู่ในเขตที่ 6 ของกรุงปารีส เริ่มสร้างในปี 1612 โดย Marie de’ Medici ภรรยาของกษัตริย์เฮนรี่ที่สี่ของฝรั่งเศส (ยุคนั้น Marie เป็นแม่ม่าย) เพื่อสำหรับการเป็นพื้นที่ที่อยู่อาศัยใหม่ของเธอ และเธอได้ออกแบบสร้างราชวังเลียนแบบพระราชวังบ้านเกิดของเธอในฟลอเรนซ์ด้วย จึงทำให้ที่นี้มีสไตล์คล้ายคลึงในแถบถิ่นเมืองฟลอเรนซ์อย่างเห็นได้ชัด

  ซึ่งในปัจจุบันนี้สวนแห่งนี้ได้กลายเป็นของวุฒิสภาฝรั่งเศส พื้นที่สวนนี้ครอบคลุมถึง 23 เฮกตาร์ หรือเทียบเท่าเป็นไร่ก็ประมาณ 145 ไร่ รอบๆของสวนถูกเรียงรายด้วยต้นไม้ มีสนามหญ้าสีเขียวขจี พร้อมด้วยซุ้มดอกไม้สวยงาม และมีน้ำพุของราชวงค์ Medici ที่ตั้งประดับในเขตพื้นที่ ทำให้โซนสวนดูสวยและสง่างาม

  ทางเหนือจะเจอกับปราสาทลุกซ็องบูร์ มองจากราชวังส่วนตรงกลางสวนจะมีแอ่งน้ำสี่เหลี่ยม และมีเรือจำลองให้ได้นั่งเล่นชมวิว ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้มีโรงละครหุ่นกระบอก และแถบๆนั้นเรียงรายด้วยต้นแอปเปิ้ลและลูกแพร์อย่างเรียบร้อย ส่วนทางใต้ของสวนจะเจอน้ำพุหอดูดาวซึ่งสร้างมาจากทองสัมฤทธิ์ และนอกจากมีต้นไม้ดอกไม้เรียงรายกันแล้ว บริเวณรอบสวนยังมีรูปปั้นที่น่าสนใจมากมายให้ได้ชมกันอีกด้วย

                        

ที่มา: https://www.youtube.com/results?search_query=Jardin+du+Luxembourg

  

ที่มา:https://www.talontiew.com/jardin-du-luxembourg-garden/

พลส เดอ เตอรัว (Place des Terreaux)

พลส เดอ เตอรัว (Place des Terreaux)

    จตุรัสแห่งนี้ถือเป็นศูนย์กลางของเมืองลียง เคยถูกใช้เป็นลานประหารชีวิตในระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศส และศาลาว่าการเมือง (Hotel de Ville) ก็ตั้งอยู่ในบริเวณนี้ จัตุรัสนี้ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในคริสตทศวรรษ 1500 และมีการบูรณะปรับปรุงใหม่หลังเหตุการณ์ไฟไหม้ในรูปแบบสถาปัตยกรรมบาโรคช่วงปลายคริสตทศวรรษ 1600 ภายในพื้นที่จัตุรัสประดับด้วยน้ำพุ 69 แห่งซึ่งออกแบบโดยช่างฝีมือดี Frederic-Auguste Bartholdi ตั้งกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ

  เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่น่าไปมาก ถึงแม้ประวัติจะแอบน่ากลัวไปนิดๆ หลอนหน่อยๆ
แต่ก็น่าไปทดลองความกล้ามากๆ

ทีมา: https://www.youtube.com/watch?v=ND-f6CB_278

ที่มา:http://thairats.com/%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89/%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88

จัตุรัส Bellecour (Place Bellecour)

จัตุรัส Bellecour (Place Bellecour)

     เป็นจัตุรัสกลางเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศฝรั่งเศส และเป็นที่นัดพบยอดฮิตของผู้คนใน ลียง พื้นที่รอบๆ ประกอบด้วยสิ่งปลูกสร้างในรูปแบบสถาปัตยกรรมคลาสสิก ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างแม่น้ำโรห์น (Rhone River) และแม่น้ำโซน (Saone River) และสิ่งที่สะดุดสายตาและมีชื่อเสียงมากที่สุดของจัตุรัสแห่งนี้ได้แก่อนุสาวรีย์บรอนซ์ของพระเจ้าหลุยส์ที่สิบสี่ในอริยาบทนั่งสง่าอยู่บนหลังม้า นอกจากนี้ยังมีหอคอยสูงใกล้ที่ทำการไปรษณีย์ซึ่งสร้างตั้งแต่คริสตทศวรรษ 1600

ที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=J01sCKaLXPs

สวยที่สุดดด น่าไปมากๆเลย จตุรัสกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในปรารีส มีสิ่งปลูกสร้างมากมาย ที่หลายรูปเยอะ โอ๊ยยยย อยากไปปป55555

ที่มา: http://thairats.com/%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89/%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88

พระราชวังฟงแตนโบล (Chateau de Fontainebleau)

พระราชวังฟงแตนโบล (Chateau de Fontainebleau)

หลายๆคนอาจจะไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้เท่าไร อาจจะไม่ดังเท่าพระราชวังแวร์ซายส์ 
แต่ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน แถมห่างจากกรุงปารีสเพียง 55 กิโลเมตร

บริเวณรอบๆพระราชวัง มีสวนให้เดินเล่น เราเดินเล่นไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกผ่อนคลาย 
รู้สึกว่าเป็นพระราชวังที่เงียบสงบมาก เเถมผู้คนไม่พลุกพล่าน ชอบๆ






ที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=n2A3dzlB804

นี้อยากไปเดินเล่นมากกกกกก บรรยากาศมันได้ ชอบบบบบบบ

ที่มา: https://pantip.com/topic/34470645

โบสถ์แซงท์ ชาแปลล์ (Sainte Chapelle)

   

  โบสถ์แซงท์ ชาแปลล์(Sainte Chapelle) ตั้งอยู่ในในเขตพระราชวัง บนเกาะกลางแม่น้ำแซน อีลเดอลาซิติ(Île de la Cité) ใกล้กับโบสถ์นอเทรอดาม(Notre Dame Cathedral) ในกรุงปารีส เป็นโบสถ์เก่าแก่นิกายโรมันคาทอลิก ที่เป็นอนุสรณ์สถานที่สำคัญของฝรั่งเศส สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่เก็บเรลิกแห่งแซงท์ ชาแปลล์ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ทรมานพระเยซู โดยพระเจ้าหลุยส์ที่ 9 เป็นผู้เริ่มต้นรวบรวมและตามหามาได้จำนวน 30 ชิ้นรวมกับมงกุฎหนามพระเยซู นอกจากนี้ยังทรงหาซื้อเพิ่มเติมจากที่อื่นด้วยจำนวนเงิน 130,000 ลูฟวร์ตูนัวส์ เป็นมูลค่ามาหาศาล และมากกว่างบประมาณสำหรับสร้างโบสถ์แห่งนี้ ภายหลังจากการสร้างเสร็จในปี 1241 ได้เกิดการปฎิวัติฝรั่งเศส จึงทำให้เรลิกซ์ที่ถูกเก็บไว้สูญหายไปหลายชิ้น คงเหลือแค่เรลิกซ์แห่งแซงท์ ชาแปลล์

  

  ภายนอกของโบสถ์แซงท์ ชาแปลล์(Saint chapelle) จะมีสถาปัตยกรรมเป็นทรงจั่วแหลม ดูค่อนข้างเรียบง่ายเหมือนโบสถ์ทั่วไป ส่วนภายในโบสถ์จะเป็นการออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมที่สร้างด้วยกระจกที่มีลวดลายและสีสันที่มีความโดดเด่น ด้านบนจะเป็นหน้าต่างกุหลาบที่ถูกตกแต่งในยุคหลัง รวมถึงศิลปะภาพวาดรูปปั้น ที่กล่าวถึงพระเยซูและที่มาของเรลิกซ์ ซึ่งเป็นความตั้งใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 9 ที่ให้ความสำคัญ กับการเก็บรักษาอย่างมาก

   

   Saint Chapelle ถือเป็นอนุสรณ์สถานของฝรั่งเศส มีสถาปัตยกรรมในยุคโกธิค เป็นลวดลายกระจกที่มีความสวยงามอันตื่นตาตื่นใจ ตกแต่งด้วยสีสันอันโดดเด่น บรรยากาศสุดแสนสงบ แม้สถานที่ไม่กว้างมากนัก ถือเป็นผลงานเชิงศิลปะที่หาชมได้ยาก

ที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=vigjJih8Pn4

ที่มา:https://www.talontiew.com/sainte-chapelle/

ย่านเลอ มาเร่ส์

ย่านเลอ มาเร่ส์ 

    ย่านเลอ มาเรส์(Le Marais) ได้รับขนานนามว่าเป็น “เมืองเก่าแห่งปารีส” ถือเป็นอัญมณีของฝรั่งเศสเที่เต็มไปด้วย ตึกโอ่อ่า แมนชั่น คฤหาสน์ของคนร่ำรวย สถานที่นี่บางแห่งยังกลายเป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับเข้าเยี่ยมชม ปัจจุบันย่าน La Marais ยังคงอนุรักษ์สิ่งเก่าแก่ไว้เหมือนเดิมและมีการปรับทัศนียภาพให้สวยงามมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงความเป็นเมืองเก่าแก่  ไม่ว่าจะเป็นชุมชนชาวยิวบนถนนเดโครซิเย่ บริเวณนี้ยังมี ร้านขายเนื้อ ร้านขายเสื้อผ้าสไตล์ฮิสเตอร์  ถนนย่าน La Marais ถือเป็นถนนที่ค่อนข้างแคบและซอกแซกตามสถานที่อันคดเคี้ยว ไปตามเส้นทางต่างๆ เช่น แหล่งพิพิธภัณฑ์สำคัญ เช่น พิพิธภัณฑ์การ์นาวาเลต์ พิพิธภัณฑ์ปิกาสโซ  ร้านอาหารชื่อดัง รวมถึงตึกเก่าแก่ที่ชวนหลงใหลไปตามทางเดินที่แปลกออกไป

   La Marais ยังถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบบรรยากาศเก่าแก่สไตล์เมืองเก่าของปารีส ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะจตุรัส Place des Vosges หรือจตุรัสโวจน์อันน่าหลงใหล รายล้อมด้วยวัฒนธรรมย้อนสมัย รอบๆ ยังมีร้านค้าต่างๆเช่น ร้านไอศกรีม Amorino ถัดไปยังมีถนนสาย Shoppingและแหล่งพักผ่อนหย่อนใจมากมาย

   สำหรับร้านของกินยอดนิยมที่ไม่ควรพลาดในย่านนี้คือร้าน Holly Belly ที่ต้องบอกก่อนว่าหากเป็นช่วงปลายสัปดาห์ จะต้องรอคิวรับประทานเป็นชั่วโมงกันเลย เมนูสุดฮิตของร้านนี้คือ Pancake White Becon รวมถึงเมนูอย่าง ซันเดย์ บลันซ์ ถือเป็นเมนูก้องโลก หากใครไม่ได้กินถือว่ามาไม่ถึง La Marais

  อีกแห่งที่ถือเป็นไฮไลท์ของ La Marais คือ สะพาน Pont des Arts อันเก่าแก่ของปารีส ที่เชื่อมสองฝั่งเพื่อเดินชมวิวของแม่น้ำ Seine อันสวยงามอีกด้วย

ทีมา:  https://www.youtube.com/watch?v=Shw5QqBHddc

    

ที่มา:https://www.talontiew.com/le-marais-district/

มอร์ซีน

มอร์ซีน 

เมืองสวยในเทือกเขาแอลป์นี้ตั้งอยู่ที่พรมแดนฝรั่งเศส-สวิตเซอร์แลนด์ มีสาธารณูปโภคสมัยใหม่สอดประสานกับบรรยากาศหมู่บ้านแบบดั้งเดิมอย่างลงตัว

   Morzine เป็นแหล่งท่องเที่ยวบนภูเขาแถบพรมแดน ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องกิจกรรมกลางแจ้งและสถาปัตยกรรมคลาสสิกสไตล์ชาเลต์ เมืองอันเงียบสงบนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขา Portes du Soleil อันกว้างใหญ่ มีลำธารทอดตัวผ่านและมีทิวเขาล้อมรอบMorzine เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ผู้คนรู้จักกันดี เป็นจุดหมายปลายทางของนักเล่นสกีมากว่า 80 ปีแล้ว นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวหน้าร้อนยอดนิยมอีกด้วย โดยเฉพาะสำหรับนักปั่นจักรยานซึ่งมาเพื่อร่วมแข่งขัน Tour de France บนภูเขาใกล้เคียงในฤดูหนาว ขอเชิญมาลองเล่นสกีบนลานสกีแบบลาดลงต่ำทั้ง 81 แห่งของ Morzine ซึ่งมีตั้งแต่แบบลาดเอียงเล็กน้อย สภาพอากาศธรรมดาๆ ไปจนถึงแบบที่ยากท้าทายสุดๆ หรือจะลองเล่นสกีไปตามทาง Cross Country ความยาว 96 กิโลเมตรก็ได้ ถ้าแค่นั้นยังไม่จุใจ ขอแนะนำให้ซื้อตั๋วลิฟต์สำหรับพื้นที่เล่นสกีข้ามพรมแดน Portes du Soleil เพื่อเล่นสกีไปตามทางที่มีป้ายคอยนำทาง ความยาวรวมกว่า 650 กิโลเมตร 

ในฤดูร้อน เมืองนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับออกสำรวจพื้นที่ใกล้เคียง เมื่อใช้สกีลิฟต์ คุณจะท่องเที่ยวไปตามเส้นทางเดินป่าและเส้นทางปั่นจักรยานเสือภูเขาได้ ซึ่งรวมถึงเส้นทางจักรยาน Cross Country อันโด่งดังที่มีชื่อว่า Grand Tour des Portes du Soleil ขอแนะนำให้ขึ้นลิฟต์ Super Morzine Bubble เพื่อชมวิวทิวเขาโดยรอบในแบบพาโนรามา

    สูดอากาศบริสุทธิ์บนภูเขาให้เต็มปอดระหว่างขี่ม้าเที่ยว หรือล่องแก่ง พายเรือแคนู หรือ Canyoneering ไปตามแม่น้ำ Dranse ส่วนใครที่ชอบสบายๆ ขอแนะนำให้นอนเล่นอาบแดด ว่ายน้ำ หรือตกปลาที่ทะเลสาบ Montriond อันแสนสงบสำหรับคนชอบกีฬา ต้องมุ่งหน้าไปที่คอมเพลกซ์ว่ายน้ำ Parc des Dérêches ของ Morzine ซึ่งจัดสร้างไว้อย่างดีเยี่ยม คุณอาจกระโจนลงเล่นน้ำในสระขนาดมาตรฐานโอลิมปิก เพลิดเพลินกับสเก็ตในลานเล่นซึ่งมีทั้งในร่มและกลางแจ้ง หรือจะพักผ่อนคลายความเมื่อยล้าในสปาก็ได้ อย่าลืมเช็กเว็บไซต์ว่ามีการแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งหรือกิจกรรมอื่นๆ ในช่วงที่คุณมาเที่ยวหรือเปล่าลิ้มรสเมนูอาหารภูเขาท้องถิ่นแบบซาวอย เช่น ฟองดูหรือ Tartiflette ซึ่งเป็นเมนูที่มีหลายชั้น ทำจากมันฝรั่ง ชีส เบคอน และหัวหอม จาก Morzine สามารถขับรถไปถึงสนามบินเจนีวาได้ในเวลาเพียงชั่วโมงกว่าๆ Morzine ไม่มีสถานีรถไฟของตัวเอง แต่คุณสามารถเดินทางมาที่สถานีใกล้เคียงใน Cluses หรือ Thonon-les-Bains ได้ แล้วนั่งรถประจำทางต่อมายัง Morzineด้วยทัศนียภาพเทือกเขาแอลป์ สาธารณูปโภคชั้นเยี่ยม และสถานที่ต่างๆ ในท้องถิ่นซึ่งเหมาะสำหรับเด็กๆ Morzine จึงเป็นเมืองท่องเที่ยวในฝันสำหรับครอบครัวที่มาเยือนได้ตลอดทั้งปี

 ที่มา: https://en.wikipedia.org/wiki/File:Morzine_summer.jpg , https://www.expedia.co.th/Morzine.d500423.Travel

แอวะนู เดส์ ชองป์ส เอลิเซ่ส์

แอวะนู เดส์ ชองป์ส เอลิเซ่ส์

   

   เป็นถนนในเขตที่ 8 ของกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นย่านการค้าที่ประกอบด้วยโรงละคร คาเฟ่ และร้านค้าหรูหรา ซึ่งถือว่าเป็นย่านช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในปารีส สองข้างทางมีต้นเชสต์นัตที่ได้รับการตกแต่งอย่างงดงาม 

    อิล-เดอ-ฟรองซ์เป็นชื่อแคว้นที่ตั้งของนครปารีส เป็นสถานที่น่าอยู่อาศัย รายรอบด้วยธรรมชาติอันสวยงาม บ้านเมืองที่อยู่โดยรอบยังมีเสน่ห์น่าหลงใหลในหลายแง่มุม ทั้งเนินเขาเขียวขจีและหมู่บ้านที่สวยงามของ Vallées de Chevreuse หรือจะเป็นป่าไม้ร่มครึ้มที่ ร็องบุยเย่ต์ (Rambouillet) ซึ่งน่าเข้าไปเดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์ ความงามของแคว้นนี้ยังเป็นที่ดึงดูดศิลปินเอกหลายท่านให้หลงใหลในสีสันและบรรยากาศจนสรรค์สร้างผลงานศิลปะชิ้นเอกฝากไว้ให้ชมอาทิเช่น ภาพวาดภูมิประเทศของเมืองบาร์บิซง โนฌอง-ซูร์-มาร์น หรือโอแวร์-ซูร์-อัวซ์ แคว้นนี้ยังเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมหลายแห่งดังเช่น พระราชวังแวร์ซายส์ ปราสาทโวซ์-เลอ-วิก็งต์ โบสถ์แซ็งต์-เดอนีส์ และที่สำคัญที่นี่คือศูนย์รวมของวิถีชีวิตแบบฝรั่งเศสโดยแท้
ขนาดถนนยังสวยขนาดนี้ โอ้ยยย เมืองฝรั่งเศษนี้ที่ท่องเที่ยวเยอะเกินไปแล้วววว5555

ที่มา:https://www.educatepark.com/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9D%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%AA/tourism/

,https://www.google.co.th/url?sa=i&source=images&cd=&cad=rja&uact=8&ved=2ahUKEwjK6bXTqtfcAhWYeisKHVKmBwMQjRx6BAgBEAU&url=http%3A%2F%2Fbaihasbodee33.blogspot.com%2F&psig=AOvVaw3KcjzRHu7RgJWQGAB3gNOM&ust=1533607318257880

เมืองชาโมนิก (Chamonix)

เมืองชาโมนิก (Chamonix)

   เมืองชาโมนิกซ์ ( Chamonix ) ตั้งอยู่ในแคว้นโอแวน โคญ เเอลป์ ( Auvergne-Rhône-Alpes ) ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของประเทศฝรั่งเศส มีอาณาเขตติดกับชายแดนประเทศสวิตเซอร์แลนด์และอิตาลี เมืองชาโมนิกซ์ถูกล้อมรอบด้วยหุบเขา ซึ่งหนึ่งในยอดเขาที่โด่งดังที่สุดคือมองบลังค์ (Mont Blanc) ซึ่งเป็นยอดเขาในเทือกเขาแอลป์ที่สูงที่สุดในยุโรป ที่ทอดยาวมาตั้งแต่ประเทศสโลวีเนียจนจบที่ประเทศฝรั่งเศส ปัจจุบันเป็นฤดูกาลที่มีหิมะปกคลุมยอดเขา ทำให้มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดในช่วงนี้เพราะเป็นช่วงเวลาทองของกีฬาฤดูหนาวอย่างสกีและสโนบอร์ด

   

ที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=dJwXeHk3lYg

   
   
ที่มา:https://www.google.co.th/search?q=%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B9%8C+(Chamonix)&rlz=1C1CHZL_thTH753TH753&source=lnms&tbm=isch&sa=X&ved=0ahUKEwiGmtfPwt3cAhUWbysKHc9QBF4Q_AUICigB&biw=1366&bih=662#imgdii=CGOeGOhN2PmnzM:&imgrc=CvVtU3lIRFFbvM:

ล่องเรือชมแม่น้ำแซนกับ บาโต มูช Bateaux-Mouches

  หนึ่งในกิจกรรมในการชมเมืองปารีสที่นักท่องเที่ยวหลายคนชื่นชอบ คือการล่องเรือชมแม่น้ำแซน ซึ่ง บาโต มูช(Bateaux-Mouches) เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการเรือนำเที่ยวในแม่น้ำแซนยอดนิยมเจ้าหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นบริษัททัวร์ที่ดำเนินกิจการทางเรือที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงปารีสด้วย

  Bateaux-Mouches มีให้บริการเรือท่องเที่ยวหลายรูปแบบ แต่ที่เป็นที่นิยมที่สุดคือ แบบเรือเที่ยวชมที่วิ่งเป็นรอบ รอบละประมาณ 1 ชั่วโมง ระหว่างท่าเรือที่หอไฟล(Eiffel Tower)กับท่าเรือนอเทรอดาม(Nortre Dame) ซึ่งจะออกทุกๆ 30-40 นาที ตลอดทั้งวัน ผู้ใหญ่ 13.5 ยูโร เด็ก 6 ยูโร ซึ่งมีการบรรยายเกี่ยวกับประวัติเมืองปารีสตลอดทั้งสายการเดินทางระหว่างสองข้างทางที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น มหาวิหารน็อทร์-ดาม, พิพิธภัณฑ์ออร์แซ, หอไอเฟล พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ เป็นต้น และมีการบรรยายถึง 10 ภาษาให้ได้ฟังกันอย่าง ภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมัน ภาษาจีน ภาษาเกาหลี ภาษาสเปน ภาษาอิตาลี ภาษาญี่ปุ่น ภาษาโปรตุเกส ภาษารัสเซีย และภาษาฝรั่งเศส

ที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=T7L02h0f2E8

   นอกจากแบบเรือนำเที่ยวทั่วไปแล้วก็ยังมี แบบที่เป็นแพคเกจ รวมทานอาหารบนเรือ ทั้งมื้อเที่ยง และ มื้อเย็น รวมทั้งแบบที่รวมค่าแชมเปญ และโชว์ด้วย สามารถซื้อตั๋วทางออนไลน์แล้วไปแลกเป็นตั๋วจริงได้ที่เว็บหลักเลย

 

      อยากลองไปนั่งเรือชมปารีสจังเลยยยยย คงจะสนุกน่าดู นั่งเรือไปด้วย ถ่ายรูปไปด้วย ของกินก็เสริฟมาตลอดด โอ๊ยย ฟินไปอี๊กกกกกก!!

ที่มา: https://www.talontiew.com/bateaux-mouches-river-cruise/

โพรวองซ์ ดินแดนแห่งลาเวนเดอร์

โพรวองซ์ ดินแดนแห่งลาเวนเดอร์

   

หากพูดถึง ฝรั่งเศส หนึ่งในภาพที่ดูจะติดตราตรึงใจใครหลายๆ คน คงเป็นภาพของบ้านหลังเล็กๆ ทาสีส้มอ่อนดูอบอุ่น มุงกระเบื้องหลังคาสีน้ำตาล ตั้งอยู่เรียงรายอยู่ริมฝั่งทะเล โดยมีไร่องุ่นและเทือกเขาสูงชันเป็นฉากหลัง โพรวองซ์ (Provence) ดินแดนทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ที่อยู่ติดกับอิตาลีและหากพิจารณากันดีๆแล้ว ภาพอันคุ้นตาที่ว่าสามารถบอกจุดเด่นของโพรวองซ์ได้อย่างหนึ่ง นั่นคือ การเป็นดินแดนแห่งความหลากหลาย

โพรวองซ์ (Provence) นอกจากจะมีอากาศที่บริสุทธิ์กว่าในเมืองหลวงของประเทศแล้ว ขุมทรัพย์ในช่วงซัมเมอร์ของที่นี่ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้อยากมาเยือนก็คือทุ่งดอกลาเวนเดอร์สีม่วง ที่ผลิบานสะพรั่งสุดลูกหูลูกตา และส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ นอกจากนั้นผู้มาเยือนยังจะได้ชมขั้นตอนของการปลูกดอกไม้ชนิดนี้ และสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ในแหล่งผลิตเลย ไม่ว่าจะเป็นครีมอาบน้ำ โลชั่น ลิปสติก เทียนหอม เป็นต้น

ในรูปยังสวยขนาดนี้ ไปเจอจริงๆจะขนาดไหนน โอ๊ยยยย อยากไปฝรั่งเศษจิงๆ อยากไปนอนกลางทุ่งลาเวนเดอร์ อยากไปถ่ายรูป งื้อออออ 

ที่มา:https://imageholidaythailand.wordpress.com/2018/04/10/%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B2/

สนามฟุตบอล สต๊าด เดอ ลียง (Stade de Lyon)

สนามฟุตบอล สต๊าด เดอ ลียง (Stade de Lyon)

 

   

สตาดเดอฟร็องส์ (ฝรั่งเศส: Stade de France) เป็นสนามกีฬาแห่งชาติของฝรั่งเศส ตั้งอยู่ในย่านแซ็งเดอนี ตอนเหนือของกรุงปารีส ทำให้เป็นสนามกีฬาที่ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของยุโรป โดยใช้เป็นสนามเหย้าในการแข่งขันระหว่างประเทศทั้งของฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศสและรักบี้ทีมชาติฝรั่งเศส สนามกีฬาแห่งนี้เป็นสนามกีฬาประเภทที่ 4 จัดโดยยูฟ่า สนามแห่งนี้ใช้จัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 1998 ที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ และในนัดรองชิงชนะเลิศ ฝรั่งเศสเป็นฝ่ายเอาชนะบราซิล ไปได้ 3–0 อย่างเหนือความคาดหมาย ได้แชมป์โลกไปครองเป็นสมัยแรกในที่สุด

สตาดเดอฟร็องส์ เปิดใช้ในวันที่ 28 มกราคม ค.ศ. 1998 ก่อนหน้าที่ฟุตบอลโลก 1998 จะเริ่มขึ้นไม่นาน ใช้เวลาสร้างประมาณ 3 ปี โดยมีความจุเต็มที่ 81,338 คน

ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 ซึ่งฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ สตาดเดอฟร็องส์ก็ใช้เป็นสนามจัดการแข่งขันนัดเปิดสนามระหว่างฝรั่งเศสและโรมาเนีย ซึ่งเป็นการแข่งขันในรอบแรกกลุ่มเอ และนัดชิงชนะเลิศอีกด้วย

  เป็น 1 ใน 10 สนามแข่งขันฟุตบอลยูโร 2016 รอบสุดท้าย ตั้งอยู่ในเมืองลียง มีความจุผู้เข้าชม 59,000 คน ในปัจจุบันมีทีมฟุตบอลโอลิมปิก ลียง เป็นทีมเจ้าถิ่นที่ใช้สนามแห่งนี้แข่งขันอยู่เป็นประจำ ในการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2016 ครั้งนี้ จะจัดแข่งขันทั้งหมด 6 แมตช์ จะเป็น 4 เกม ในรอบแบ่งกลุ่ม และรอบ 16 ทีมสุดท้าย กับรอบรองชนะเลิศ อย่างละ 1 นัด

ที่มา:  http://thairats.com/%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89/%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88,https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B9%8C

มหาวิหารนอเทรอดาม (Notre Dame Cathedral)

  มหาวิหารนอเทรอดาม(Notre Dame Cathedral)แห่งเป็นหนึ่งในมหาวิหารชื่อดังของโลก ที่จารึกในประวัติศาสตร์ชั้นเอกของสถาปัตยกรรมกอธิคที่สวยงามทั้งภายนอก-ภายใน มีผลงานแกะสลักอย่างวิจิตรงดงามเกี่ยวกับศาสนาและวัฒนธรรม สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายจากทั่วทุกมุมโลก

มหาวิหารแห่งนี้ ถือเป็นมหาวิหารแห่งแรกที่สร้างในสไตล์โกธิค ตัวอาคารมีความสูงวัดถึงยอดอยู่ที่ 69 เมตรโดยมีระยะเวลาการก่อสร้างนานหลายยุคสมัย ตั้งแต่ ค.ศ. 1163 จนสร้างแล้วเสร็จเมื่อ ค.ศ. 1345 โดยมีการปรับปรุงซ่อมแซมในส่วนที่เสียหายอยู่เรื่อยๆ อาธิเช่น ซ่อมแซมหลังจากการปฏิวัติฝรั่งเศส , ปรับปรุงเพื่อบูรณะอาคารอีกทั้งเปลี่ยนวัสดุตกแต่งจากความสึกหรอ ภายในและภายนอกอาคารประดับประดาด้วยประติมากรรม และหน้าต่างกระจกสี ซึ่งมีความงดงามมาก

มหาวิหารนอเทรอดามแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ

• ด้านนอกอาคาร มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันไปในแต่ละด้าน แต่ละมุม แต่ด้านที่นิยมกันมากที่สุดคือทิศตะวันตก ซึ่งด้านนี้นอกจากความสวยงามแล้วยังมีทั้งความเก่าแก่ของสถาปัตยกรรมและรายละเอียดประติมากรรมรวมทั้งวัสดุตกแต่งที่ปราณีต อ้อนช้อย ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพจากบนบกหรือว่าทางเรือ เนื่องจากบริเวณมุมนี้จะมีทัวร์ทางเรือของเมืองแล่นผ่านจุดนี้เป็นประจำ ส่วนด้านอื่นๆก็จะมีรายละเอียดต่างๆซ่อนอยู่ จากการออกแบบและผลงานแกะสลักที่เต็มไปด้วยรายละเอียดมากมาย รวมทั้งการขอพรจากรูปปั้นพระแม่มาเรียด้วย

                          

• ภายในอาคาร มีความงดงามจากผลงานการออกแบบและรูปปั้นแกะสลักมากมาย เนื่องจากมีเสาเรียงรายอยู่ภายในวิหารล้อมรอบด้วยทูตสวรรค์และบรรดานักบุญ รวมถึงกระจกด้านทิศเหนือที่เป็นรูปแม่พระขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลางถึง 9 เมตรเลยทีเดียว

                          

• ด้านบนหอคอย หากใครมีความต้องการขึ้นไปชมหอคอยจะต้องเสียเงินเพื่อขึ้นไป โดยมหาวิหารนอเทรอดามมีอยู่สองหอคอย(ฝั่งซ้าย-ฝั่งขวา) สามารถขึ้นไปชมสถาปัตยกรรมภายในและภาพวิวมุมสูงจากบนหอคอยได้เป็นอย่างดี

                         

ที่มา: https://www.talontiew.com/notre-dame-cathedral-paris/

สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ ปารีส (Disneyland Paris)

สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ ปารีส (Disneyland Paris)

 สนีย์แลนด์ ปารีส(Disneyland Paris) ศูนย์รวมจินตนาการที่สุดแสนจะวิเศษโลกแห่งเทพนิยาย เป็นสวนสนุกแห่งที่สองที่เปิดนอกประเทศอมเริกา USA และเป็นดิสนีย์แลนด์แห่งแรกและแห่งเดียวของยุโรป จึงไม่น่าแปลกใจที่ดิสนีย์แลนด์ปารีสจะเป็นสวนสนุกที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของยุโรป ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองปารีสประมาณ 30 กิโลเมตร แต่เดินทางมาได้ง่ายๆเพราะด้วยสถานีรถไฟ RER สาย A

 ภายในสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ปารีส(Disneyland Paris) แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ

1. Disney Studio หรือโรงถ่ายภาพยนตร์ของดิสนีย์แลนด์ ภายในเน้นความสวยงามและน่ารักของสถานที่ด้วยการประดับตกแต่งอย่างอลังการงานสร้างเมื่อคุณเข้าไปแล้วจะรู้สึกว่ากำลังอยู่ในเทพนิยายของดิสนีย์ ความรื่นเริงสนุกสนานของเหล่าตัวละครต่างๆของดิสนีย์ในโซนนี้จะทำให้ท่านลืมโลกภายนอกไปเลย ภายในประกอบ attraction 12 อย่าง ให้คุณสนุกสนานไปกับกระบวนการสร้างสรรค์ผลงานของดิสนีย์

2. Disneyland Park หรือโซนสวนสนุก ซึ่งเป็นโซนหลักของที่นี่ ภายในประกอบไปด้วยเครื่องเล่นต่างๆ 12 ชนิด เหมาะสำหรับคนเด็กเล็ก เด็กโต ไปจนถึงผู้ที่ชื่นชอบความหวาดเสียว และตื่นเต้น หากต้องการท่านต้องการเล่นเครื่องเล่นที่ดิสนีย์แลนด์ให้หมดภายในวันเดียวก็อาจจะต้องเร่งรีบทำเวลากันซักนิด ภายในยังประกอบไปด้วยส่วนย่อย ๆ อีก 4 ส่วน ไม่ว่าจะเป็น Fantasy Zone เช่น Alice เมืองมหัศจรรย์, Discovery Land เช่น รถไฟเหาะ, Frontieland เช่น Big Thunder, Adventure Land เช่นเรือโจรสลัด

ไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้เลยคือช่วงเวลากลางคืน ที่สวนสนุกจะถูกประดับประดาไปด้วยแสงไฟทั่วทั้งบริเวณพร้อมกับขบวนพาเหรดที่ชวนให้คุณตื่นเต้นตื่นใจให้ท่านหลงใหลราวกับต้องอยู่ในมนต์ตรา ต่างรอให้ท่านมาสัมผัส

ทั้งนี้หากท่านกังวลนว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะทำให้เกิดความวุ่นวายและล่าช้าละก็ ลืมปัญหานี้ไปได้เลยเพราะ Disneyland Paris นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยเพิ่มความรวดเร็ว เช่น การจัดระบบแบบ Fast Pass หรือเครื่องช่วยจองคิว ซึ่งอยู่บริเวณหน้าเครื่องเล่น เพียงนำบัตรของดิสนีย์ไปเสียบ ทำให้ทราบว่าเครื่องนี้ ท่านได้เข้าเล่นรอบกี่โมงแบบไม่ต้องกลัวว่าจะรอนาน

ที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=Vb3Jy-IdbAQ 

ถูกใจเด็กๆมากๆ ดิสนี่แลน์ปารีส !!! น่าไปฝุดๆ อย่างงี้ต้องรีบเก็ยตังค์ไปเที่ยวปารีสซะแล้วว

ที่มา: https://www.talontiew.com/disneyland-paris/

สุสานแปร์ ลาแชส (Père Lachaise Cemetery)

สุสานแปร์ ลาแชส (Père Lachaise Cemetery)

    

   สุสานแปร์ ลาแชส หรือสุสานตะวันออก (Père Lachaise Cemetery) เป็นสุสานขนาดใหญ่ที่สุดของกรุงปารสี และมีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของโลก สถานที่ยอดฮิตของเหล่านักท่องเที่ยวจนถึงคู่รักที่มาฮันนีมูนในกรุงปารีสต้องมาเยี่ยมชมความงดงามของสถาปัตยกรรมที่ออกแบบอย่างวิจิตรตระการตา

  ภายในสุสานแปร์ ลาแชสถูกประดับประดาด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาชนิดทอดยาวตลอดสองข้างทาง แสงพระอาทิตย์ส่องกระทบอิฐที่เรียงรายเป็นทางเดินอยู่เบื้องล่างโดยสุสานแห่งนี้ถูกออกแบบคล้ายกับสวนสาธารณะมากกว่าการเป็นสุสานฝั่งศพที่น่ากลัว

  จุดสำคัญไม่ได้อยู่ที่ความงดงามระหว่างทางเดินไปยังหลุมฝังศพเพียงอย่างเดียว แต่การออกแบบของหลุมฝังศพก็เป็นสิ่งที่น่าสน สุสาน Pere Lachaise Cemetery ใช้การออกแบบโกธิก การวางแปลนแบบโอสมานน์ ที่สร้างให้สถานที่ดูมีความลึกลับชวนหลงใหล ภายในยังมีรูปปั้นและอนุสาวรีย์ ของบุคคลที่มีชื่อเสียง ซึ่งมีมากกว่า 33,000 หลุม ไม่ว่าจะเป็นหลุมฝังศพของ ออสการ์ ไวลด์, Victor Nior หรือแม้แต่รูปปั้นของเทวดาเปลือยกาย

ที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=826GJParjCE

  เมื่อท่านสังเกตรูปปั้นภายในสุสานแปร์ ลาแชส (pere lachaise cemetery)จะพบร่องรอยของลิปสติกบนรูปปั้นซึ่งมาจากความเชื่อของศาสนาคริสต์ บรรดาบ่าวสาวข้าวใหม่ปลามันจนถึงคู่รักจะมาสุสานเพื่อมาอธิษฐานของลูก ขจัดปัญหาบนเตียงตามความเชื่อว่าจะคำขอพรนั้นจะเป็นจริงด้วยวิธีการทาลิปสติกและประทับจูบบนลงรูปปั้นของออสการ์ ไวลด์ หรือ Victor Nior สำหรับบางคนใช้วิธีการลูบคลำอวัยวะเพศของรูปปั้น หรือแม้แต่ทำท่าอนาจารบนรูปปั้นเพื่อเป็นการขอพรซึ่งเป็นกิจกรรมที่แปลกและสร้างความน่าสนใจให้กับสุสานแปร์ ลาแชส (pere lachaise cemetery)ไม่น้อยเลยทีเดียว

   นอกจากนี้สุสานแปร์ ลาแชส (pere lachaise cemetery)ยังเปิดให้ผู้ที่ประสงค์จองหลุมศพให้กับตัวเอง!! เมื่อจากโลกนี้ไป แต่มีข้อแม้ว่าต้องอาศัยและเสียชีวิตอยู่ที่กรุงปารีสเท่านั้น

    

ที่มา:https://www.talontiew.com/pere-lachaise-cemetery/

[บอร์กโดวซ์] เมืองสวยมีเสน่ห์น่าหลงใหล เมืองต้องห้ามพลาด

บอร์กโดวซ์ เมืองสวยมีเสน่ห์น่าหลงใหล เมืองต้องห้ามพลาด

     

   บอร์กโดซ์ (Bordeaux , Port of the moon) เป็นเมืองท่าตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส เป็น the largest urban world heritage site เป็นเมืองที่มีโบสถ์ที่มีประตูที่เป็นต้นแบบของโบสถ์นอร์ทเทอดามที่ปารีส เป็นเมืองที่ถูกทุบทิ้งเพื่อสร้างใหม่ให้เหมือนพระราชวังแวร์ซายส์เมื่อสองร้อยกว่าปีก่อน เป็นเมืองที่ถ่ายรูปสวยทุกมุม เป็นเมืองที่สวยงามเป็นระเบียบน่าอยู่ มีแม่น้ำ มีสวนดอกไม้ริมน้ำ เป็นเมืองมีถนนคนเดินที่ยาวที่สุดในยุโรปที่ La rue Sainte-Catherine

                        

 เป็นเมืองทีมีชื่อเสียงมากเรื่องไร่องุ่นและไวน์และเป็นเมืองที่ได้รับการเลือกให้เป็นจุดหมายท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในยุโรปในปี 2015 ( European best destination in 2015) และไม่นับความสำคัญที่บอกมา บอร์กโดซ์เป็นเมืองที่เดินเล่นชิลล์มากกกกก การ์ดกล้องเต็มไม่รู้ตัวน่ะจ๊ะ

น่าไปจังงง มีถนนคนเดินยาวที่สุดในฝรั่งเศษด้วยยย เดินจนขาลากก็ยอม555555555

ที่มา:http://www.mariajourneys.com/bordeaux-france/, https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%94,

พระราชวังบลัว

พระราชวังบลัว

     ศึกษาประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจของพระราชวัง พร้อมทัวร์ชมห้องโถงอันน่าประทับใจและห้องประทับที่มีการออกแบบแตกต่างกันไป   

   พระราชวังบลัวมีชื่อเสียงจากการเป็นสถานที่ที่โยนออฟอาร์คเดินทางไปรับพรก่อนออกนำทัพ และเป็นอาคารที่มีสถาปัตยกรรมหลากหลายสไตล์ ผนังด้านหน้าเป็นการผสมผสานระหว่างสไตล์เรเนซองส์ คลาสสิก และกอทิก ภายในสถานที่ยังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะและประวัติศาสตร์หลายแห่ง พระราชวังนี้มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ทางการเมืองของภูมิภาค มีห้องนับร้อยห้อง เกือบทุกห้องมีเตาผิง เริ่มต้นทัวร์ด้วยตัวเอง ชมห้องสุดอลังการต่างๆ ในอาคาร

                                 

   หยิบแผ่นพับซึ่งมีคำอธิบายเกี่ยวกับแต่ละโซนของการทัวร์ซึ่งใช้เวลาประมาณ 90 นาที มีทัวร์นำชมเป็นภาษาอังกฤษให้บริการทุกวันในเดือนกรกฎาคมและเดือนสิงหาคม เรียนรู้เกี่ยวกับเคานต์แห่งบลัว ดยุกแห่งออร์เลอ็อง–วาลัว และโยนออฟอาร์คผู้นำธงมารับพรก่อนออกนำทัพไปต่อสู้กับอังกฤษ

   ชมการแสดงแสงสีเสียงที่น่าตื่นตาตื่นใจกว่า 45 นาที ฟังตำนานรักที่มีเสน่ห์และเรื่องลึกลับในพระราชวังไปพร้อมกับเสียงดนตรี

   เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์ในชั้น 1 ของปีกพระเจ้าหลุยส์ที่ 12 ในห้องทั้ง 6 ห้องจะมีภาพวาดและประติมากรรมประดับอยู่ ชมผลงานจาก Marco d’Oggiono, Bourdon, Lemoyne และศิลปินอื่นๆ มากมาย พิพิธภัณฑ์จะเน้นศิลปะยุโรปจากยุคเรเนซองส์ไปจนถึงปลายทศวรรษที่ 1800

     ผลงานอื่นๆ ที่ประดับไว้รอบพระราชวัง ได้แก่ งานแกะสลักและเทคนิคการบูรณะในห้องโถงสถาปัตยกรรม ตื่นตากับเฟอร์นิเจอร์เก่าแก่หลายศตวรรษในที่ประทับ ซื้ออัญมณี หนังสือ ของเล่น และของฝากได้จากร้านค้าในพระราชวัง

     ถานที่เปิดให้เข้าชมทุกวันตลอดทั้งปี ยกเว้นวันคริสต์มาสและวันปีใหม่ เวลาทำการโดยทั่วไปคือตั้งแต่เช้าถึงบ่ายแก่ๆ มีค่าธรรมเนียมผ่านประตูและการชมแสดงแสงสีเสียง สามารถซื้อเป็นแพ็คเกจได้

พระราชวังบลัวตั้งอยู่ทางตอนเหนือของแม่น้ำลัวร์ ในศูนย์กลางประวัติศาสตร์เมืองบลัว ใช้เวลาเดินจากสถานีรถไฟบลัวมาทางตะวันออก 5 นาที บริเวณใกล้เคียงจะมีสำนักงานการท่องเที่ยว จัตุรัส Pasteur และบ้านนักมายากลโรแบร์-อูแดง

  

ที่มา:https://www.expedia.co.th/Chateau-De-Blois-Blois.d6107672.Place-To-Visit